Shopify คืออะไร? ทำไมจึงเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะกับผู้ประกอบการที่โฟกัสไปที่ยอดขายเป็นหลัก

What is Shopify Ecommerce

มือใหม่หรือมือเก๋ากับการขายออนไลน์ในไทยอาจจะไม่รู้จัก Shopify กันเท่าไหร่นัก ดังนั้นต้องบอกเลยว่าไม่รู้นี่ตกเทรนด์แน่นอน! คำถามอันดับหนึ่งคือ Shopify คืออะไร ช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้อย่างไร มีฮาวทูตั้งแต่จุดเริ่ม ประโยชน์ ไปจนถึงวิธีการวางแผนการใช้งานเลยทีเดียวเชียว แบบอ่านแล้วปิ๊งเลยว่าจะลุยต่อยังไง ข้อมูลครบจบในขั้นตอนเดียว แต่ต้องอ่านให้จบนะคะ ไม่งั้นอาจจะพลาดวิธีการสร้างเงินหลักล้านเลยทีเดียว!

Shopify เป็นเพียงแค่เว็บไซด์ธรรมดาหรือคืออะไรกันแน่?

หลายๆคนคงเคยเห็นการซื้อขายออนไลน์ผ่าน Facebook, IG , Lazada, Shopee หรือแม้แต่เว็บไซต์กันมาบ้าง ดังนั้นย่อยให้เข้าใจง่ายก็คือ Shopify คือ ระบบหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ช่วยในการสร้างร้านค้าออนไลน์ ให้ครบจบในขั้นตอนเดียว ถึงตรงนี้หลายๆคนถามว่า ถ้ามือใหม่ไม่เคยสร้างร้านบนเว็บเลยจะยากเกินไปไหม จริงๆแล้วการใช้ Shopify นั้นถือว่าไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะตัวระบบ Shopify คือใช้งานง่ายมาก มีบริการซัพพอร์ตพ่อค้าแม่ค้าที่รวดร็ว แถมระบบ Shopify นั้นเค้ามีมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นการพัฒนาระบบให้เหมาะกับผู้ใช้งานจึงทำออกมาได้ดีพอตัว อีกทั้งระบบของ Shopify คือ การสร้างร้านค้าสำเร็จรูป ซึ่งมีรูปแบบหรือเทมเพลตให้เราเลือกตามสไตล์หรือตามธีมที่เหมาะสมกับร้านเรา หลังจากเราสมัครใช้บริการ เราก็สามารถเริ่มใส่ข้อมูลสินค้า รูปภาพต่างๆ ด้วยตัวเองได้ไม่ยากเลยค่ะ

LnwShop
LnwShop

Shopify คือ LnwShop แห่งร้านค้าออนไลน์สำหรับทั่วโลก

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ชาวไทย ส่วนใหญ่พอจะคุ้นเคยกับ “เทพช็อป” ซึ่งเป็นระบบการสร้างร้านค้าออนไลน์ของไทยในยุคแรกๆเลย ดังนั้นถ้าใครยังอ่านแล้วไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของ Shopify ก็ลองนึกถึงเทพช็อปดู อารมณ์คล้ายๆกัน แต่ Shopify นั้นมีลูกเล่นและใช้งานง่ายกว่าพอตัวเลย แถม Shopify ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านความปลอดภัยและความเสถียรของระบบ ใช้งานง่ายและอีกหลายอย่าง มาลองดูกันว่าไฮไลท์เด็ดสำหรับระบบ Shopify คืออะไรกันบ้าง

  • ติดตั้งง่าย สร้างร้านค้าออนไลน์ได้รวดเร็ว เข้าใจกันก่อนว่า Shopify คือ แพลตฟอร์มสำหรับการสร้างร้านค้าสำเร็จรูปที่ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานการติดตั้งระบบนั้นไม่ต้องมีเทคนิคไอทีเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ คนธรรมดา ๆ อย่างเรา ๆสามารถที่จะสร้างร้านค้าบน Shopify ได้เอง(หรือหากร้านค้าใครมีความซับซ้อนก็ยังอาจจะต้องพึ่งพามือดีทางด้านเทคนิคอยู่บ้าง) ตัว Shopify เองเป็นระบบซอฟต์แวร์ที่มีหลากหลายแพคเกจ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าสามารถเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง
  • มีรูปแบบแพกเกจหลากหลายให้เลือก ตัว Shopify เองมีแพคเกจที่คำนึงถึงพ่อค้าแม่ค้ามากๆ มีตั้งแต่รูปแบบสำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐานไปจนถึงระบบที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งใหญ่ ๆ อย่าง DHL รวมถึงระบบการทำโปรโมชั่นอย่างพวก Gift cards หรือ กิ๊ฟโวเชอร์ นอกจากนั้นยังรองรับการชำระเงินได้หลายรูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงเครดิตการ์ดและ PayPal อีกด้วย
  • มีระบบดูแลซัพพอร์ท24ชั่วโมง Shopify คือเพื่อนคู่คิดสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่จะทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเลยทีเดียว เพราะด้วยความที่การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ร้านค้าของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจะต้องเปิดขายตลอด ทาง Shopify เองก็เข้าใจความสำคัญในจุดนี้ จึงให้บริการความช่วยเหลือและการซัพพอร์ตเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้อย่างทันใจถึง 24×7 คือ มีปัญหาอะไรสามารถติดต่อกับหน่วยงานช่วยเหลือลูกค้าได้ทันท่วงทีการติดต่อประสานผู้ดูแลระบบนั้นก็ง่ายและรวดเร็วทันใจ ไม่ทำให้ธุรกิจของเราสะดุดเลยก็ว่าได้
  • สร้างเว็บไซต์ที่ดึงดูดสายตาลูกค้า ก็เพราะว่า Shopify คือ อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่เน้นการดึงดูดลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นระบบจะมีธีมหรือเทมเพลตสำเร็จรูปที่รองรับรูปแบบต่าง ๆสำหรับร้านค้า เทมเพลตจะออกแบบด้วยกราฟฟิกและสีสันที่เหมาะกับโทนต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงสามารถเลือกรูปแบบเทมเพลตที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดสายตา แถมเหมาะสมกับตัวสินค้าและกับตัวแบรนด์ของเราให้มากที่สุด
  • ความปลอดภัยสูง สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรคำนึงในการสร้างร้านคือ ความปลอดภัย เนื่องจากการซื้อขายเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งประโยชน์ที่ชัดเจนของ Shopify อีกข้อ ก็คือความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ โดย Shopify คือ ระบบอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่ได้พัฒนาให้มีความปลอดภัยสูง เพราะความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินที่เป็นความลับของลูกค้าในทำนองเดียวกันจะต้องออนไลน์ตลอดเวลา
  • เปี่ยมประสิทธิภาพในการทำการตลาด แพลตฟอร์ม Shopify นั้นมีความได้เปรียบด้านการทำการตลาดพอควร เพราะมีคุณสมบัติในการทำ SEO พร้อมกับการวิเคราะห์อีคอมเมิร์ซขั้นสูงนอกจากนี้ยังมีเครื่องมือทางการตลาดและการทำโปรโมชั่นที่เอาไว้ดึงดูดลูกค้าอีกด้วย เช่น การสร้างบัตรของขวัญ (Gift voucher/card) ที่เราสามารถกำหนดเองได้
  • ระบบ Shopify คือระบบที่รองรับหลายภาษา ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่ง หากคุณกำลังมองหาระบบอีคอมเมิร์ซที่สามารถขยายฐานลูกค้าออกไปยังต่างประเทศ Shopify คือ ระบบอีคอมเมิรซ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบภาษาได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ในหน้าเว็บของร้านค้า เราสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มภาษาได้ด้วยตนเอง การแปลเนื้อหาของร้านค้าของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถกระตุ้นให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศสามารถเข้าใจการตลาดรายละเอียดผลิตภัณฑ์การจัดส่งและนโยบายการส่งคืนได้ดียิ่งขึ้น
  • Shopify รองรับการใช้ง่ายผ่านมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายหลักของเราส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้มือถือในการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งในจุดนี้ตัว Shopify เองก็ได้เตรียมระบบงานพื้นฐานไว้ค่อนข้างดี เพราะ Shopify เล็งเห็นว่าการตอบสนองการใช้งานของมือถือเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของร้านค้าอีคอมเมิร์ซ ดังนั้น Shopify เองได้ดีไซน์หน้าจอและรองรับการตอบสนองอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ลูกค้าจะสามารถดูสินค้าผ่านมือถือได้ง่ายๆ ในทุกๆ ที่ทุกเวลา
  • ระบบ Shopify รองรับการชำระเงินที่ง่ายแค่ปลายนิ้ว ถือว่าเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งสำหรับผู้ค้าปลีกออนไลน์คือ การรวมเกตเวย์การชำระเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ Shopify ทำให้เราดำเนินการได้ง่ายขึ้น เพราะได้มีการรวมรูปแบบการชำระเงินหลายๆแบบมาไว้ที่ร้านค้า ทำให้เราสามารถสร้างตัวเลือกการชำระเงินแบบที่ทำให้ผู้ซื้อมีอิสระในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใด ๆ
  • Shopify โหลดหน้าเว็บได้เร็วลูกค้าไม่ต้องรอนาน ความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเราปล่อยลูกค้าให้รอนาน ลูกค้าอาจจะเบื่อและเปลี่ยนใจไปซื้อเจ้าอื่นได้ ดังนั้น Shopify คือ ระบบหน้าร้านที่พร้อมใช้งานได้รวดเร็ว แถมยังได้จัดการให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้พร้อมกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
  • Shopify มี App Store เป็นของตัวเอง ถ้าเราคุ้นเคยกับ App Store ของฝั่ง Apple และ Play Store ของฝั่งมือถือค่าย Android แล้วล่ะก็ ทาง Shopify เองก็มี Shopify App Store เป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วยแอปพลิเคชันที่ไว้ช่วยทำงานในด้านอีคอมเมิร์ซทั้งสิ้น ตั้งแต่การหาสินค้า, การทำ email marketing, การทำ customer support และแอปที่ช่วยเพิ่มยอดขายประเภท Upsell / Cross Sell อีกมากมายรวมทั้งหมดเกือบ 4,000 แอปด้วยกัน อีกทั้งจุดเด่นที่สุดก็คือการติดตั้งแอปนั้นทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกไม่กี่คลิกเท่านั้นเอง ซึ่งทำให้เจ้าของร้านค้าสามารถโฟกัสไปที่ตัวธุรกิจได้มากกว่าที่จะต้องมาสนใจเรื่องการเขียนโปรแกรมให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองอีกด้วย

Shopify เหมาะกับใครบ้าง?

หลังจากทราบข้อดีของระบบ Shopify กันมาบ้างพอควรแล้ว แต่ถ้าหากยังสงสัยอยู่ว่าพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่แบบเรา หรือพ่อค้าแม่ค้าบนโลกออนไลน์แบบไหนจะใช้แพลตฟอร์ม Shopify ได้บ้าง ลองมาทำความเข้าใจกันเพิ่มและลองมาดูกันว่า Shopify คือ ระบบอีคอมเมิร์ซที่ตอบโจทย์สำหรับใครและเหมาะกับใครบ้าง

  • พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลาย ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าที่กำลังอยากสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
  • ถ้าหากว่าใครยังไม่มีเว็บไซต์สำหรับแบรนด์ตัวเอง ขายผ่านแต่เพียง Shopee, Lazada การมีเว็บไซด์ Shopify คือ สามารถกระตุ้นยอดขายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมเลย แถมยังเข้ามาทำให้สินค้าและร้านค้าของเรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • ผู้ที่ทำธุรกิจ Dropshipping ก็สามารถใช้ Shopify ในการช่วยขายสินค้าได้ (บทความเกี่ยวข้อง ดรอปชิป คืออะไร? ทำไมคนขายของออนไลน์ ควรเริ่มต้นด้วยการทำดรอปชิป)
  • ผู้ที่สนใจจะสร้างหรือขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆในต่างประเทศ ใครอยากโกอินเตอร์ หรืออยากเพิ่มลูกค้าต่างชาติสามารถใช้ระบบ Shopify ในการขายสินค้าได้ง่าย เพราะระบบ Shopify คือ ระบบที่รองรับการใช้ภาษาต่างๆได้มากมายหลายภาษา ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะอยู่มุมไหนในโลกนี้ เราก็สามารถลุยขายสินค้าได้อย่างแน่นอน

เริ่มต้นสร้างร้านค้าด้วย Shopify ง่ายๆ ต้องทำยังไงบ้าง

  1. หาสินค้าสร้างแบรนด์ หากเรามีสินค้าหรือมีแบรนด์อยู่แล้วก็เริ่มไม่ยาก แต่สำหรับมือใหม่ แนะนำให้หาสินค้าที่คิดว่าโดน และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของเราก่อน ตั้งชื่อแบรนด์สินค้าของเรา จากนั้นก็เข้าไปเลือกแพกเกจของ Shopify ที่คิดว่าเหมาะสมกับธุรกิจของเราเอง
  2. วางแผนด้านการตลาดที่เหมาะสม ถึง Shopify คือ แพลตฟอร์มอีคอมเมิรซ์ที่ช่วยให้เราทำเงินได้ง่ายและใช้งานง่ายขนาดไหน แต่การทำธุรกิจก็ควรมีการวางแผนธุรกิจที่ดี เราควรวางแผนการส่งเสริมการขาย การตลาด และการทำโฆษณาต่างๆไว้เพื่อโปรโมทสินค้าของเราเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาช้อปในร้านค้าของเรา
  3. เลือกรูปแบบหน้าร้านออนไลน์ที่เหมาะสม หลังจากเลือกแพกเกจของ Shopify ได้แล้ว เราต้องเดินหน้าต่อด้วยการหาธีมหรือเทมเพลตที่คิดว่าเข้ากับสินค้าของเรามากที่สุด เพราะร้านค้าออนไลน์มีเยอะแยะมากมาย หากร้านค้าเราเด่น ใช้ง่านง่าย ก็จะดึงดูดลูกค้าได้ และ Shopify คือ ดีงามมาก มีธีมให้เราเลือกมากมาย แถมสามารถนำไปพัฒนาต่อได้อย่างสบายๆ
  4. เริ่มลงสินค้า พอถึงขั้นตอนนี้ก็ถือว่าร้านของเราใกล้ความจริงเข้ามาทุกที เราต้องทยอยอัพโหลดรูปภาพสินค้าและรายละเอียดสินค้า รวมถึงข้อมูลต่างๆให้ครบถ้วน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะให้ใจกับร้านค้าที่มีข้อมูลดีเพราะดูน่าเชื่อถือและดูจริงใจต่อลูกค้า
  5. โปรโมทสินค้าและลงมือทำตามแผนการตลาด เมื่อ Shopify คือ แพลตฟอร์มสำหรับการทำร้านค้า ดังนั้นการมีร้านเฉยๆก็อาจจะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกคน เราควรเริ่มทำตามแผนการโปรโมทสินค้า ทำโฆษณาผ่านสื่อ Social Media ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาแวะเวียนและเลือกซื้อสินค้าของเรา

เพิ่มเติม:

สามารถดาวโหลดไฟล์สอนการสร้างร้าน Shopify ได้ฟรีที่นี่เลยครับ >> คลิกเพื่อ ดาวโหลด

และสามารถสมัคร Shopify เพื่อใช้งานฟรีได้ 14 วันได้ทีนี่ครับ >> คลิกสมัคร Shopify Free 14 Days

Shopify Free Trial.png
Shopify Free Trial.png

สรุป

การที่ Shopify ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของร้านสามารถเปิดร้านได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากนัก และมีแอปพลิเคชั่นต่างๆมาให้อย่างพร้อมเพรียง เรียกว่าครบทุกหมวดเลยก็ว่าได้ ทำให้เจ้าของกิจการสามารถที่จะโฟกัสไปที่ตัวธุรกิจ โดยไม่ต้องคอยกังวลปัญหาทางด้านเทคนิค จึงถือได้ว่า Shopify นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากในการแข่งขันเป็นอย่างยิ่ง

Resource:

https://www.shopify.com/start

https://speedboostr.com/shopify-setup-guide/

https://help.shopify.com/en/manual/using-themes/translate-theme#choose-a-language-for-your-theme

Our Score
Click to rate this post!
[Total: 3 Average: 5]
>