ขายของออนไลน์อะไรดี ในปี 2564 รู้ได้ง่ายๆใน 5 ขั้นตอน

ขายของออนไลน์อะไรดี ในปี 2564

ชีวิตแบบ “New normal” ทำให้ตลาดออนไลน์โตแบบก้าวกระโดด หลายคนอยากขายบ้าง เลยคิดว่าขายของออนไลน์อะไรดี เพราะด้วยสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เจอทั้งการล็อคดาวน์และการเว้นระยะห่าง ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งสะดวกและรวดเร็วจนกลายเป็นวิถีชีวิตของคนไทยในยุคนี้ก็ว่าได้ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ manager เผยว่าธุรกิจออนไลน์มียอดสูงถึง 220,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยคิดเป็น 4-5% ของธุรกิจค้าปลีกในประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าก้าวกระโดดอย่างมาก เพราะการขายของออนไลน์พุ่งขึ้นสูงถึง 35% จากปี 2562 เลยทีเดียว เห็นตัวเลขทะลุทะลวงน่าว้าวขนาดนี้ ใครคิดจะมาค้าขายออนไลน์บอกเลยว่าต้องรีบลงมือทำกันด่วน เพราะยิ่งรอช้าคู่แข่งก็ยิ่งเริ่มทวีคูณมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

เริ่มต้นขายของออนไลน์

สิ่งแรกที่ต้องเริ่มทำก็คือ เริ่มสำรวจตลาดและมองหาสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ จากนั้นค่อยเริ่มมาสำรวจกันต่อว่าควรขายของออนไลน์อะไรดีที่ขายแล้วสามารถสร้างยอดขายได้ถึงเป้าหมาย แถมเงินลงทุนต้องพอเหมาะพอดีกับเงินทุนที่เรามีอยู่ และอย่าลืมว่าต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่เราต้องการนำสินค้าไปลงหรือวางขาย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการขายทั่วไปก็คือ การมองหาตลาดในการขายสินค้านั้นเอง เมื่อเลือกของที่จะขายได้แล้วลองมองหาตลาดสำหรับสินค้าเฉพาะกลุ่มหรือ Niche market ดูเพราะกันแข่งขันจะไม่หนักเท่ากับการขายสินค้าที่เหมือนๆ คนอื่น เมื่อพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่เริ่มรู้แล้วว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี ตรวจดูเช็คลิสต์อีกทีว่าสินค้าเราดีและแตกต่างแน่นอน จากนั้นก็ต้องสร้างกลยุทธ์ในการขาย เพราะการวางสินค้าไว้เฉยๆ สินค้าคงไม่สามารถขายได้ด้วยตัวของมันเองหรอก และในขั้นตอนสุดท้ายก็คือ การสร้างร้านค้าออนไลน์ของเราให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างยอดขายให้ดีแบบที่เราวางแผนเอาไว้นั่นเอง

1. สำรวจตลาดทำความเข้าใจผู้บริโภค

เคยสังเกตไหมว่าสินค้าบางอย่างเพิ่งออกมาใหม่ๆ แต่กลับขายไม่ได้ ต้องพับร้านกลับบ้านไป ดังนั้นคำถามสำคัญคือ ทำไมมันถึงไปไม่รอด? นี่แหล่ะคือ ช่องโหว่ที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่อย่างเราได้เปรียบ เพราะถึงเราจะใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือ เราสามารถลองเริ่มสำรวจตลาดดูได้ โดยมองหาโอกาสที่เจ้าเก่าๆ เขามองไม่เห็น ซึ่งถือเป็นการสร้างจุดแข็งให้ตัวเอง คล้ายๆ กับการทำการบ้าน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะลงสู่สนามสอบแข่งขันจริง การสำรวจตลาดเป็นเครื่องมือวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งและตัวเราเองอีกด้วย ที่สำคัญจะช่วยให้เราเข้าใจความชอบของผู้บริโภค ดังนั้นเราจะสามารถเลือกลงทุนกับสินค้าได้ถูกประเภท รวมถึงช่วยต่อยอดในการวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ยิ่งใครที่เงินลงทุนไม่เยอะ การสำรวจตลาดจะช่วยให้คุณประหยัดไปได้ เพราะป้องกันความผิดพลาด ลดการสูญเสียและสร้างโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีสินค้าอยู่แล้ว การสำรวจตลาดสามารถช่วยในเรื่องการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสในการมองหาสิ่งของหรือเปิดให้ตัวเองค้นคว้าเพิ่มเติมว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี เพื่อเป็นการต่อยอดในการลงทุนและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น ดังนั้นมาดูการสำรวจตลาดแบบง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เองกันเถอะ

  • Hashtag ค้นหาแฮชแท็กบนโซเชียลมีเดียเพื่อดูว่าสินค้าอะไรที่กำลังมาแรง เช่น ลองเช็คแฮชแท็กบน IG หรือ Twitter ว่าสินค้าของคุณถูกติดแฮชแท็กเยอะขนาดไหนเป็นต้น
  • Google Trend วิธีนี้ทำให้คุณสามารถค้นพบเทรนด์ในปัจจุบัน ทำได้ง่ายและฟรีอีกด้วย

Influencer/Blogger ลองดูว่าเหล่าผู้นำเทรนด์อย่างบล็อกเกอร์ชื่อดังหรือคนดังที่มียอดตามสูงๆ กำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือกำลังนำเสนอสินค้าอะไรในช่วงนั้น แค่นี้คุณก็พอเดาทางออกแล้วว่าควรจะขายของออนไลน์อะไรดี ที่ตาม เทรนด์ในช่วงนั้น ยิ่งถ้าคุณอยากขายสินค้าแฟชั่นที่เน้นมาไวไปไวแล้วล่ะก็ วิธีนี้ทำให้คุณคิดออกแน่นอนว่าควรจะหาสินค้าแบบไหนถึงจะเหมาะที่สุด

2. วิเคราะห์และเลือกสินค้า

หลังจากเราทำการวิเคราะห์ตลาดและสำรวจตลาดกันไปแล้ว เราคงเริ่มมีไอเดียว่าจะขายสินค้าประเภทไหนหรือแบบไหนดี แต่สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ การขายสินค้าที่ตัวเองชอบ! ถึงจะดีที่เรามีความถนัดก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าจะมีผลดีหรือเปล่าคือ ผลตอบรับจากผู้บริโภค เพราะสินค้าที่เราชอบบางทีผู้บริโภคอาจจะไม่ได้ชอบแบบเราก็ได้ บอกได้เลยว่าเลือกสินค้าผิด ชีวิตเปลี่ยนในทันที ดังนั้นเราควรยึดหลักการใช้ข้อมูลจากการสำรวจตลาด จากนั้นลองเข้าไปดูในแพลตฟอร์มต่างๆ ว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการ แล้วอาจจะลองทำเช็คลิสต์เพื่อสร้าง Product lists ให้กับตัวเองว่ามีสินค้าอะไรที่น่าจะไปได้ดีกับสถานการณ์ในตอนนี้บ้าง

  • ใช้แพลตฟอร์ม Marketplace ให้เป็นประโยชน์ โดยอาจจะลองเข้าไปใน Shopee และ Lazada ลองเข้าไปดูในแต่ละหมวดหมูว่าสินค้าขายดีของแต่ละหมวดหมูนั้นคืออะไร
  • ใช้ Social Media เป็นตัวช่วย ลองสังเกตพวกโฆษณาออนไลน์ใน Facebook หรือ IG ดูว่าสินค้าอะไรกำลังได้รับความนิยม มียอดคนไลค์ มียอดคนตามสูง
  • สินค้าเทศกาล สินค้าแบบนี้จะพีคขายดีเป็นช่วงๆ เช่น ใกล้ปีใหม่ สินค้าประเภทของขวัญอย่าง ไดอารี่ ออร์แกนไนเซอร์ ปฏิธินต่างๆ ก็อาจจะไปได้ดี หากสลับมาหน้าฝน สินค้าจำพวก ร่ม เสื้อกันฝน ก็จะขายได้ดีในช่วงฤดูฝนเหมือนกัน

สินค้าแบบเฉพาะกลุ่มหรือ Niche market มีดีตรงคู่แข่งน้อย ทำให้เปิดโอกาสในการขายได้มากขึ้น

3. แพลตฟอร์มในการจัดจำหน่ายสินค้า

ช่วงปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของคนขายของออนไลน์และลูกค้าเลยก็ว่าได้ เพราะแพลตฟอร์ม E-commerce ชื่อดังทั้งหลายต่างเปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าขายของกันกระหน่ำ แถมยังมีส่วนลด และโปรส่งฟรีเอาใจลูกค้าอีกต่างหาก ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้บริการของแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นจำนวนมาก หลายคนมองหาสินค้าหรือตั้งคำถามว่าขายของออนไลน์อะไรดีก็มักจะเข้ามาค้นหาสินค้าที่น่าสนใจตามแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ในข้อดีบางทีก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เช่น มีสินค้าที่คล้ายๆ กับสินค้าของเรามากมายทำให้อัตราการแข่งขันสูง หรือมีการนำสินค้ามาขายตัดราคาแบบน่าใจหายเป็นจำนวนมาก ถ้าหากเรามุ่งมั่นจะขายสินค้าที่คล้ายๆ คนอื่น ในแพลตฟอร์มเจ้าตลาด แต่เรามีต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ยอดขายและผลกำไรก็อาจจะไม่ได้สวยงามมากนัก เผลอๆ อาจจะโดนคู่แข่งเบียดตกขอบไปเลยก็ได้ ดังนั้นคงต้องกลับไปที่คำถามว่าขายของออนไลน์อะไรดี แต่ถ้าหากหลายคนยังยืนยันว่าจะขายสิ่งที่ตามเทรนด์และมีคู่แข่งอีกมากมาย ก็อาจจะต้องลองมองหาทางอื่น อาทิเช่น

  • Sales page/Website การสร้างเว็บไซต์หรือสร้างเซลล์เพจของตัวเองจะสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าของเราได้ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องตกแต่งและทำเว็บให้ดูดีและน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน
  • Social Media ที่ผ่านมา Social Media อย่าง Facebook ถือเป็นการสร้างยอดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลายๆ คนอย่างมหาศาล เพราะในระบบเราสามารถสร้างโฆษณาและส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีพ่อค้าแม่ค้าหลายคนบ่นว่าระบบมักจะมีปัญหา ทำให้ถึงขั้นโดนปิดบัญชีกันทีเดียว ดังนั้นหาก Facebook รวน เราควรมองทางเลือกอื่นๆ เช่น การใช้ IG, Twitter หรือการโปรโมทผ่านเว็บบอร์ดดังๆ อย่าง Pantip หรือ Jeban ดูก็น่าสนใจไม่น้อย
  • Marketplace/E-commerce Platform อย่างที่บอกว่ามีร้านค้ามากมายในแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้มหาศาลด้วยเช่นกัน เพราะมีการจัดโปรต่างๆ ออกมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada แต่เนื่องจากอัตราแข่งขันสูงมาก เราอาจจะลองมองแพลตฟอร์มน้องใหม่อย่าง JD Central หรือ Facebook Marketplace เป็นทางเลือกอีกทาง ดังนั้นอาจจะลองพิจารณาอย่างละเอียด รวมถึงใช้การตลาดเข้ามาช่วย เช่น การใช้รีวิวแสดงความน่าเชื่อถือ การรับประกันสินค้า การทำโปรโมชั่น

4. สร้างกลยุทธ์ในการขาย

พอเราเริ่มรู้แล้วว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี รวมถึงหาช่องทางการวางขายสินค้าของเราได้เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะจะขายออกหรือขายไม่ออก การวางกลยุทธ์ในการขายนั้นสำคัญมาก เนื่องจากเป็นเหมือนการวางแผนทำให้เราขายสินค้าได้สำเร็จนั่นเอง

  • การตลาดออนไลน์ การแข่งขันที่หนักหน่วงในธุรกิจออนไลน์ต่างก็ทำให้หลายเจ้าต่างประโคมและโหมการตลาดกันอย่างหนักเลยทีเดียว แต่สำหรับมือใหม่อย่างเรา กว่าจะนึกออกว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี ก็ใช้เวลาและเงินทุนไปพอสมควร ดังนั้นลองมองการตลาดแบบง่ายๆ และใกล้ตัวซึ่งเป็นแบบที่เราทำได้หรือลงทุนไม่เยอะมาก เช่น การโปรโมทสินค้าผ่าน Social Media เช่น Facebook, IG หรือลองใช้ Youtube เป็นตัวช่วยในการสร้างตัวตนของร้านค้าและสินค้าเราด้วยก็ได้
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ การสร้างความน่าเชื่อถือจากการรีวิวสินค้าของผู้ใช้จริงนั้นมีผลมาก ยิ่งมีคนรีวิวมากขึ้นเท่าไหร่ ร้านค้าของเราก็จะน่าสนใจและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญควรมีรีวิวดีๆ เท่านั้นนะ ดังนั้นหากมีการแถมของชำร่วย หรือสร้างบริการอันน่าประทับใจให้กับลูกค้าที่มาแวะซื้อสินค้าร้านคุณด้วยก็จะช่วยให้เราได้โอกาสรับรีวิวดีๆ ได้มากเลยทีเดียว

สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ คอนเทนต์มีหลายรูปแบบ อาจจะทำบทความหรือคอนเทนต์ลักษณะคลิปวิดีโอที่เป็นการขยายความเข้าใจเกี่ยวกับตัวสินค้าและที่สำคัญต้องเป็นประโยชน์กับลูกค้าด้วย ก็จะช่วยได้อีกทางหนึ่ง

5. สร้างร้านค้าให้น่าเชื่อถือ

พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่มักจะคิดว่า พอรู้แล้วว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี แค่นี้ก็เปิดร้านได้แล้ว ใครคิดแบบนี้อยู่ ต้องรีบเปลี่ยนความคิดด่วนเลย ด้วยกระบวนการตั้งแต่ขั้นที่ 1-4 ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้เป็นอันขาดคือ องค์ประกอบหลักอย่างหน้าร้านออนไลน์ของเรานั่นเอง ลองคิดดูว่า ถ้าหากเรามีร้านค้าออนไลน์อยู่บน Facebook แต่ร้านค้าของเราใช้รูปเหมือนร้านคนอื่น หรือใช้รูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ ข้อมูลรายละเอียดสินค้าอะไรก็ไม่มี แถมกว่าจะตอบคำถามลูกค้าก็ยังช้าอยู่ แบบต้องรอข้ามวัน หากเป็นแบบนี้ ลูกค้าที่ไหนจะกล้ามาซื้อ ดังนั้นไม่ว่าเราจะมั่นใจว่าสินค้าของเราดีแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมว่าการขายของออนไลน์ เหมือนการขายฝัน เพราะลูกค้ายังไม่เคยเห็นสินค้าจริง จับต้องก็ไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการสร้างความน่าสนใจ และสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าแวะมาร้านเรา นอกจากนี้อย่าลืมว่าควรจะมีคอมเมนต์หรือรีวิวเพื่อแสดงถึงความน่าเชื่อถือเสริมภาพลักษณ์และคุณค่าให้ร้านค้าอีกด้วย

สรุป

สิ่งสำคัญของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่คือ อย่าได้แต่คิดหรือฝันไปเฉยๆ การลงมือทำถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นพอรู้ว่าเราจะขายของออนไลน์อะไรดีแล้ว เราต้องทำงานให้หนักมากขึ้นด้วยการลงมือทำ ตั้งแต่การหาข้อมูล การคิดกลยุทธ์ทางการตลาด การส่องคู่แข่ง และสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือ ให้ลูกค้าเข้ามาแวะเวียนจนเกิดยอดขายตามที่เราหวังไว้ได้ในที่สุด

Our Score
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]
>